Tuesday, November 8, 2011

สูตรสลัดมันฝรั่งลดน้ำหนัก

เป็นที่รู้กันใช่มั้ยคะว่ามันฝรั่งเป็นอาหารที่แคลอรี่สูง กินแล้วอ้วน แต่วันนี้เรามีสูตรอาหารที่ทำจากมันฝรั่ง แต่ช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ นั่นก็คือ "สลัดมันฝรั่ง" ค่ะ สูตรนี้จะมีไขมันอยู่ไม่ถึง 1 กรัม และมีแคลอรี่น้อยกว่าแบบที่ชุ่มไปด้วยมายองเนสถึงครึ่งนึง จานนี้ให้พลังงาน 85 แคลอรี่ต่อ 1 เสริร์ฟ (1/2 ถ้วย) เสิร์ฟได้ 8 ที่ ต้องลองชิมกันหย่อยแล้วล่ะ

เครื่องปรุง

• มันฝรั่งสีแดงขนาดเล็ก ปอกเปลือกออก หั่นเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนาดหนึ่งนิ้ว 3 ถ้วย
• โยเกิร์ตเปล่าๆ ไม่มีไขมัน 1/2 ถ้วย
• มายองเนสชนิดแคลอรี่ต่ำ 1/4 ถ้วย
• น้ำส้มสายชู (cider vinegar) 1/2 ถ้วย
• มัสตาร์ด 1 ช้อนชา
• ผักชีฝรั่ง สับละเอียด 3/4 ถ้วย
• คึ่นช่ายฝรั่งสับละเอียด 3/4 ถ้วย
• หัวหอมสับละเอียด 1/2 ถ้วย
• พริกหวานสีแดงหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/4 ถ้วย
• เมล็ดคึ่น๙ายฝรั่งหนึ่งหยิบมือ
• พริกไทยดำบดใหม่ๆ หนึ่งหยิบมือ
• เกลือหนึ่งหยิบมือ
• ผักดองชนิดหวาน 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. ใส่มันฝรุ่งลงในกระทะแบน แล้วใส่น้ำให้ท่วม ปิดฝาแล้วต้มจนสุกนิ่ม (ประมาณ 10 นาที) เทน้ำทิ้งแล้วทิ้งไว้ให้เย็น

2. ผสมโยเกิร์ต มายองเนส น้ำส้มสายชู และมัสตาร์ดเข้าด้วยกันในชามขนาดใหญ่ เติมผักชีฝรั่ง คึ่นช่ายฝรั่ง หอมเล็ก พริกหวานสีแดง เครื่องปรุงรส และผักดอง คนให้เข้ากันแล้วเทราดลงบนมันฝรั่งที่เย็นแล้ว

3. ปิดฝาให้แน่น แล้วนำไปแช่ตู้เย็นจนเย็นได้ที่ประมาณ 2 ชั่วโมง

Thursday, November 3, 2011

ลดน้ำหนัก สูตร Raw Food Diet



ลดน้ำหนัก สูตร Raw Food Diet




สูตรนี้เป็นการกินอาหารที่ใกล้เคียงธรรมชาติ เพราะอาหารบางชนิดควรกินสดๆมากกว่าทำให้สุก เช่น ผัก ผลไม้ ซึ่งจะได้คุณค่าและวิตามินครบถ้วน หรือถ้าจะทำให้สุกก็ควรงดใช้น้ำมัน น้ำตาล หรือเครื่องปรุงรส




การควบคุมน้ำหนักด้วยสูตรนี้จะเน้นการกินผัก ผลไม้และเมล็ดธัญพืชต่างๆ ไม่เน้นการปรุงหรือนำไปประกอบเป็นอาหาร ส่วนสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเนย นม เนื้อสัตว์ เป็นต้น

Monday, October 17, 2011

ลดน้ำหนักสูตรดาราฮอลลีวู้ด

The GI Diet



GI เป็นชื่อทางวิทยาศาสตร์ที่นักโภชนาการใช้จัดหมวดหมู่อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด นั่นหมายถึงว่าคาร์โบไฮเดรตบางชนิดจะสามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็วระหว่างที่กำลังย่อย ซึ่งทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น เราเรียกอาหารชนิดนั้นว่ามี GI สูง ควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด โดยเฉพาะคนที่กำลังลดน้ำหนัก



การลดน้ำหนักด้วยการระมัดระวังเรื่อง GI นี้ สูตรของเขามีอยู่ว่า ควรกินอาหารที่มีค่า GI ไม่เกิน 55 เช่น ขนมปังโฮลวีท ข้าวกล้อง ผลไม้ เช่น แอ๊ปเปิ้ล และผักสดต่างๆ ส่วนอาหารที่มีค่า GI สูงและควรหลีกเลี่ยงคือ ขนมปังขาว ข้าวขัดขาว และของหวาน



นักร้องดังที่ใช้สูตร The GI Diet เช่น ไคลี่ มิน็อก เป็นต้น




เรื่อง “แอริน”

Friday, August 12, 2011

7 วิธีทำให้ "ผอม" ที่เชื่อถือได้

วิธีที่น่าสนใจมีดังนี้

1. ชั่งน้ำหนัก ทุกวันจะช่วยให้ลดน้ำหนักได้ 12 ปอนด์ใน 2 ปี อันนี้เป็นผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา ส่วนผู้ที่ชั่งสัปดาห์ละครั้งจะลดได้ครึ่งเดียวคือ 6 ปอนด์ (ใน 2 ปี) เหตุผลก็เพราะว่าการชั่งน้ำหนักจะทำให้เราทราบการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักและปรับพฤติกรรมการกิน

2. ห้ามดูทีวีเกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน ให้หากิจกรรมอื่นที่ได้เคลื่อนไหวร่างกายแทน

3. กินอาหารที่มีเส้นใย 4 กรัมในทุกมื้ออาหาร เหตุผลก็คืออาหารที่มีไฟเบอร์หรือเส้นใย จะทำให้ร่างกายดูดซึมแคลอรีช้าลงโดยที่เราไม่หิวหรือรู้สึกขาดแคลน

4. นอนให้เพียงพอ 7 ชั่วโมงต่อคืน ซึ่งเรื่องนี้เคยพูดกันมาหลายครั้งแล้วว่าการนอนไม่เพียงพอจะทำให้เราหิวกว่าปกติเนื่องจากระดับฮอร์โมนในการควบคุมความหิวจะลดต่ำลง

5. ดื่มน้ำสะอาดวันละ 8 แก้ว ข้อนี้ทราบกันดี ว่าน้ำนอกจากช่วยขับถ่ายของเสียแล้วยังทำให้ประสิทธิภาพการเผาผลาญอาหารดีขึ้นถึง 30%

6. อย่าทำงานเกิน 9 ชั่วโมง การนั่งทำงานเป็นเวลานานนอกจากทำให้ร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหวแล้ว ยังก่อให้เกิดความเครียด ซึ่งไปส่งผลกระทบโดยตรงต่อฮอร์โมนในร่างกาย

7. ลดการกินอาหารประเภทแป้งขัดขาว น้ำตาลฟอกขาว เพราะจะทำให้น้ำตาลในกระแสเลือดพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วและร่างกายดูดซึมได้เร็วและมาก

Saturday, August 6, 2011

10 สุดยอดผลไม้ที่กินแล้วไม่อ้วน


1.กีวี - มีสารแอกทินิดีน ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันทำให้หัวใจแข็งแรง

2.มะเขือเทศ - ช่วยลดความเสียงจากมะเร็งและโรคหัวใจ

3.มะละกอ – ช่วยย่อยอาหารและโปรตีน

4.อะโวกาโด – ช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็งชนิดต่างๆ ได้ถึง 30 ชนิด

5.สับปะรด – ช่วยต้านเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย

6.ผลไม้จำพวกเบอร์รี่ – เช่น สตอเบอร์รี่ แบลคเบอร์รี่ ผลไม้กลุ่มนี้ดีต่อระบบไหลเวียนโลหิต

7.แครนเบอร์รี่ – ช่วยป้องกันนิ่วในไต ต้านเชื้อไวรัส

8.ผลไม้ตระกูลส้ม – ช่วยลดคอเลสเตอรอล และไขมันในเส้นเลือด

9.ผลไม้กลุ่มแตง – มีสรรพคุณสูงสุดในการล้างพิษให้กับร่างกาย

10.แอปเปิ้ล – ช่วยทำความสะอาดระบบย่อยอาหาร

Thursday, August 4, 2011

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการกิน


• ผลไม้มีประโยชน์ แต่ต้องเลือกและกินในปริมาณพอดี เพราะผลไม้บางชนิดมีน้ำตาลสูง เช่น กล้วยหอม เงาะ ขนุน มะม่วงสุก เป็นต้น




• กาแฟ 1 ถ้วยที่ผ่านการปรุงรสให้หอมหวานมันนั้น อาจให้พลังงานมากถึง 250-300 กิโลแคลอรี สำหรับผู้ที่ติดกาแฟต้องดื่มวันละหลายแก้ว ควรดื่มเป็นกาแฟร้อน ซึ่งส่วนผสมต่างๆน้อยกว่าแบบเย็นที่ทำเข้มข้นเพื่อใส่น้ำแข็ง




• การกินอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ ลดปริมาณน้ำตาลให้น้อยลงได้จริง แต่จะทำให้ร่างกายต้องการไขมันและโปรตีนสูงขึ้น เพราะพลังงานทั้งหมดในร่างกายมาจากอาหาร 3 ส่วน คือ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน เมื่อลดปริมาณตัวใดตัวหนึ่งลงจะต้องเพิ่มตัวอื่นแทน

Monday, August 1, 2011

ลำดับการออกกำลังกายที่ถูกต้อง


1. ยืดเส้นยืดสายก่อนออกกำลังกาย



2. อุ่นเครื่อง (Warm Up) ประมาณ 5 นาที



3. ออกกำลังกายโดยให้ชีพจรเต้นในจังหวะที่เหมาะกับร่างกาย ประมาณ 20 นาที



4. คลายความร้อน (Cool Down) ประมาณ 5 นาที



5. ยืดเส้นยืดสายหลังออกกำลังกาย

Friday, July 29, 2011

ยืดเส้นยืดสายที่ถูกต้อง


ยืดเส้นยืดสายที่ถูกต้อง


• ขณะยืดเส้นยืดสาย พยายามหายใจลึกๆช้าๆ หายใจเข้าตอนคุณยืดเส้น และหายใจออกตอนคุณผ่อนคลาย



• อย่าเปลี่ยนท่าทางการยืดเส้นยืดสายแบบทันทีทันใด หลังจบการยืดเส้นผ่อนคลายกล้ามเนื้อแต่ละท่า ควรปล่อยให้ร่างกายเคลื่อนไหวไปตามธรรมชาติของมัน



• ยืดเส้นยืดสายแต่ละท่า ควรทิ้งเวลาไว้นานประมาณ 15-30 วินาที

Tuesday, July 26, 2011

กลัวอ้วน อย่ากินอาหารรสเค็ม


การรับประทานอาหารรสเค็มทำให้รู้สึกอยากรับประทานอาหารมากขึ้น นอกจากนั้นผลการวิจัยยังพบว่า การรับประทานเกลือในจำนวนสูงจะทำให้ร่างกายผลิตอินซูลินมากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายเปลี่ยนน้ำตาลส่วนเกินเป็นไขมันมากขึ้น



ดังนั้นยิ่งอินซูลินเพิ่มขึ้นก็ยิ่งทำให้ไขมันมากขึ้น หรือทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง

Sunday, July 24, 2011

พันธุกรรมไม่สำคัญเท่าพฤติกรรม




แม้ว่าวงการแพทย์ยอมรับว่าพันธุกรรมมีส่วนที่ทำให้คนรุ่นหลังอ้วนตามพ่อแม่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไป


หลังจากนักวิจัยจากอังกฤษติดตามศึกษาลูกหลานในครอบครัวตัวโต โดยพิจารณาจากน้ำหนักและพฤติกรรมในการใช้ชีวิต ผลการวิจัยพบว่า ผู้ทำกิจกรรมที่ต้องขยับเขยื้อนร่างกายอยู่ตลอดเวลาหรืออกกำลังกายเป็นประจำ กลายเป็นคนอ้วนแค่ 40 เปอร์เซ็นต์ อีก 60 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้กลายเป็นคนอ้วนตามพ่อแม่แต่อย่างใด

Wednesday, July 20, 2011

คุณอ้วนเพราะฮอร์โมนหรือไขมัน??

โรคอ้วนจากฮอร์โมนเกิดได้ทั้งชายและหญิง ที่อายุ 30 ปีขึ้นไป อยากรู้ว่าตัวเองอ้วนจากฮอร์โมนหรือไขมัน มีวิธีสังเกตง่ายๆดังนี้


1. กินไม่เยอะ แต่ลดน้ำหนักยาก

2. ให้สังเกตที่ตาตุ่ม และหลังเท้า ถ้ามีอาการบวม อาจเป็นไปได้ว่าคุณอ้วนเพราะฮอร์โมน

3. มีภาวะอื่นๆในร่างกายที่ดูแปลกไป เช่น ขนหรือผมร่วงมากเกินไป หรือฮอร์โมนบางตัวอาจทำให้ผู้หญิงมีขนงอกเพิ่มขึ้น

4. สภาพผิวหนังแห้งหรือชื้นผิดปกติ

5. หน้าท้องแตกลายทั้งที่ไม่ได้ท้อง

6. มีอาการซึมเศร้าร่วมด้วย



แม้มีจุดสังเกต บางครั้งหมอก็ไม่อาจฟันธงได้ว่าอ้วนจากฮอร์โมน จำเป็นต้องตรวจเช็คฮอร์โมนเพื่อความชัวร์ จะได้หาวิธีรักษาที่เหมาะสม


ที่มา นิตยสารแพรว

Monday, July 18, 2011

5 ความเข้าใจผิดๆ ในการออกกำลัง

ถ้าคุณหาเวลาและพยายามที่จะออกกำลังแล้ว คุณก็ต้องการเห็นผล แต่ก็เช่นเดียวกับคนออกกำลังอีกจำนวนมาก เจตนาที่ดีของคุณบางอย่างทำลายการออกกำลังของคุณก็ได้ กำจัดข้อผิดพลาดที่พบกันบ่อยเหล่านี้ซะ แล้วคุณจะผอมเพรียวลงและแข็งแรงขึ้น—ได้อย่างรวดเร็วกว่า

1. เติมพลังงานมากเกินไป

คนที่ออกกำลังทุกวันส่วนใหญ่มักชอบกินอาหารแท่งให้พลังงานหรือสปอร์ตดริ๊งก์ เพราะคิดว่าของเหล่านี้จะให้ความแข็งแรงเพิ่มขึ้น ทั้งที่ความจริงแล้ว สิ่งที่มันให้ก็คือแคลอรี ทำให้คุณอาจกินหรือดื่มเข้าไปตั้ง 700 แคลอรีได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่ออกกำลังไปเพียงแค่ 200 แคลอรีเท่านั้น ถ้าคุณต้องการกินอะไรสักหน่อยเพื่อเพิ่มพลัง กินแค่ผลไม้หรือถั่วสักหน่อยกับน้ำก็พอแล้ว

2. คิดว่าแค่ครั้งเดียวก็พอแล้ว

คนจำนวนมากเชื่ออย่างผิดๆ ว่า การออกกำลัง 30 นาทีบนลู่วิ่งไฟฟ้าเป็นใบอนุญาตให้นั่งแช่ไปตลอดทั้งวันที่เหลือได้ ที่จริงแล้วการออกกำลังเป็นการสะสม ยิ่งคุณเคลื่อนไหวมากแค่ไหน คุณก็จะยิ่งได้รับผลดีมากแค่นั้น ฉะนั้น เลิกคิดว่าการออกกำลังว่าคืออะไรก็ตามที่คุณทำเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง และเคลื่อนไหวให้มากขึ้นตลอดทั้งวัน

3. ออกกำลังหนักเกินไป

ความหนักเป็นเรื่องดี แต่เพียงแค่เล็กน้อยจะได้ผลมากกว่าที่คิด คนเรามักคิดว่าถ้าออกกำลัง ก็จะต้องออกกำลังให้หนักที่สุดเท่าที่จะทำได้ตลอดเวลา แล้วพวกเขาก็ต้องเลิกไป เพราะทำให้ตัวเองบาดเจ็บ หรือไม่ก็ไม่อาจทำต่อไปได้ แทนที่จะทำเช่นนั้น ออกกำลังด้วยความหนักปานกลางสัก 45 นาที คุณจะทำอย่างต่อเนื่องได้ง่ายกว่า หรือใช้การออกกำลังแบบอิเทอร์วัล ที่คุณจะเร่งความหนักให้มากขึ้นเป็นช่วงๆ

4. แบ่งแยกสมาธิ

การมีสิ่งรบกวนสมาธิเล็กน้อย เช่น ทีวี สามารถทำให้เวลาการออกกำลังดูเหมือนจะผ่านไปเร็วขึ้น แต่เป็นการรบกวนมากเกินไปสำหรับการออกกำลังของคุณ กิจกรรมใดก็ตามที่ต้องมีการใช้สมาธิ เช่น การอ่านนิยายหรือบทความยาวๆ ต้องการความสนใจและสมาธิจากคุณ ทำให้ร่างกายคุณช้าลงโดยไม่รู้ตัว ทางออกที่ดีกว่าก็คือ หาบางอย่างที่ช่วยให้คุณจดจ่อกับการออกกำลัง เพลงที่สนุกสนานเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด

5. ให้รางวัลมากกว่าความพยายาม

คนส่วนมากที่ใช้อาหารเป็นรางวัล ได้รับแคลอรีมากกว่าที่พวกเขาใช้ไป ถ้าคุณจะใช้ขนมหรืออาหารค่ำดีๆ เพื่อเป็นตัวล่อให้ตัวเองก้าวต่อไปเรื่อยๆ ก็ให้รางวัลตัวเองบ่อยน้อยลงหน่อย สักเดือนละครั้ง ถ้าคุณออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ และสำหรับรางวัลที่บ่อยกว่านั้น เปลี่ยนเป็นการซื้อของให้ตัวเองแทนการกินจะดีกว่า

ที่มา Lisa

Friday, July 15, 2011

ลดน้ำหนักตัว ด้วยมะเขือเทศ

นสพ.ชื่อดังของ อังกฤษเผย ช่วยปรับระดับฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้รู้สึกอิ่มนาน ลดการบริโภคขนมขบเคี้ยวได้ดี …


ผู้เชี่ยวชาญ ด้านโภชนาการพบว่ามะเขือเทศเป็นอาหารที่ช่วยลดความอ้วนได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปพยายามลดอาหารและปล้ำออกกำลังจนหน้าดำหน้าแดงเลย


หนังสือพิมพ์ราย วัน “เดอะ เดลี่ เอกซ์เปรสส์” ชื่อดังเมืองอังกฤษ รายงานว่า นักวิจัยมหาวิทยาลัยรีดดิงของสหรัฐฯ ได้ศึกษากับสตรี 17 คน โดยให้กินแซนด์วิชที่ทำด้วยขนมปังขาว ชนิดที่มีหัวผักกาดแดง หรือมะเขือเทศเป็นไส้เป็นอาหาร


ปรากฏผลว่าผู้ ที่กินแซนด์วิชที่ประกบมะเขือเทศ จะพากันรู้สึกอิ่มทนนานที่สุด และไม่ค่อยไปหาของขบเคี้ยวกินพร่ำเพรื่อ อันเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้อ้วนอย่างหนึ่ง ดร.จูซี่ เลิฟโกรฟ์ หัวหน้าโครงการ วิจัยเชื่อว่า เป็นเพราะมะเขือเทศมีส่วนประกอบที่ไปปรับระดับฮอร์โมน ซึ่งทำให้รู้สึกหิวเสียใหม่ได้ จึงทำให้ไม่ค่อยรู้สึกหิว


“แม้จะยังไม่ อาจบอกได้ว่า ส่วนประกอบที่สำคัญเป็นอะไร แต่มันก็ให้ผลเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง” ดร.จูซี่ บอก


ที่มา ไทยรัฐ

Wednesday, July 13, 2011

ขาใหญ่ เพราะทานอาหารรสเผ็ด รู้หรือไม่

เมนูอาหารรสเผ็ดจัดจ้าน ทั้งหลายมักจะเป็นที่โปรดปรานของคุณผู้หญิง ทั้ง ส้มตำ ยำ ต้มยำ ลาบ น้ำตก แถมคุณผู้หญิงหลายๆ คนยังเข้าใจว่าเมนูเหล่านี้นั้นเป็นเมนูยอดนิยมในการลดความอ้วนอีกด้วย แต่เชื่อหรือไม่ว่า เมนูเหล่านี้ ล้วนเป็นเมนูที่กลับทำให้คุณผู้หญิงที่ชอบทานอาหารประเภทนี้นั้นต้องประสบกับปัญหา ขาใหญ่โดยไม่รู้ตัวค่ะ


อาหารรสเผ็ดจัดจ้านนั้น มีทั้งรสเปรี้ยว เผ็ด หวาน ซึ่งจะกลบรสเค็มไว้ด้วย ซึ่งความเค็มนั้นมาจากโซเดียมซึ่งมีคุณสบบัติอุ้มน้ำ ไว้ในเนื้อเยื่อ และน้ำในนั้นมักจะไหลสู่ที่ต่ำเสมอ จึงเป็นปัญหาทำให้คุณผู้หญิงที่ชอบทานอาหารรสเผ็ดจัดจ้านหรือผู้หญิงไทยส่วนใหญ่จะมีขาใหญ่ เพราะอาหารไทยมีรสแซ่บ เผ็ดจัดจ้านนั่นเอง เลยทำให้พฤติกรรมในการทานอาหารของคุณผู้หญิงไทยกลายเป็นความเคยชินด้วยนั่นเอง และอีกอย่างดังที่บอกตั้งแต่ต้นคะว่า หลายๆ คนคิดว่าเมนูอาหารเหล่านี้เป็นเมนูลดความอ้วน เพราะเข้าใจว่าทานแล้วผอม ซึ่งคุณผู้หญิงอาจจะผอมเฉพาะช่วงบนจริงค่ะ แต่กลับอ้วนลงขาแทนซะเนี่ย ซึ่งการจัดการกับปัญหานี้ก็คือ ไม่ควรทานอาหารที่มีลดเค็ม และ รสเผ็ดจัดจ้านบ่อยเกิน ไป ควรทานอาหารประเภทผักผลไม้เยอะๆ และควรหมั่นออกกำลังกาย เบิร์นไขมันกล้ามหน้าท้อง เนื้อสะ โพก และขาอยู่เสมอค่ะ

อีกวิธีหนึ่งกับการจัดการปัญหาขาใหญ่อีกวิธีนอกจากการลดอาหารรสแซ่บ เผ็ดจัดจ้านลงนั้น คือการนวดกดจุดนั่นเอง ซึ่งเป็นการนวดเข้ามาช่วยอย่างตรงจุด ด้วยวิธีการนวดน้ำเหลือง นวดเอาน้ำที่บวมคั่งในกล้ามเนื้อขาออกไปทางระบบน้ำเหลือง โดยจะถูกขับออกมาโดยทางปัสสวะ ซึ่งจะทำให้ขาของคุณผู้หญิงค่อยๆ เล็กลงได้นั่นเองค่ะ


ที่มา ladyvisa.com

Sunday, July 10, 2011

เคล็ด(ไม่)ลับ 5 วิธี หน้าท้องแบนเรียบ

ปัญหามีหน้าท้องที่ไม่พึงประสงค์ สาวๆหลายคนใฝ่ฝันอยากจะมีหน้าท้องที่แบนเรียบ เพื่อเวลาที่ใส่เสื้อผ้าจะได้ดูดีไม่ต้องกังวลใจว่าใส่แล้วจะมีส่วนที่ไม่ พึงประสงค์ยื่นออกมา มีเคล็ด(ไม่)ลับ ของนางแบบสาว ซ่าร่า เล็กจ์ มาฝากสาวๆ ให้มีหน้าท้องที่แบนเรียบ สุขภาพดี แถม ฟิตแอนด์เฟิร์ม อีกต่างหาก

1. "เต้น" เพราะการเต้นนานถึงหนึ่งชั่วโมงจะสามารถเผาผลาญแคลลอรี่ ได้ถึง 400 แคลลอรี่ ที่เด็ดสุดคือจะช่วยให้เรามีรูปร่าง เอวเป็นเอวมากขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าไม่ชอบแอบเต้นอยู่ในห้องคนเดียว ก็รีบไปหาลงคอร์สเต้นเลยดีกว่า และขอแนะนำ คอร์ส belly dance ตรงจุดกันไปเลย

2.เปลี่ยนเก้าอี้ที่ชอบใช้นั่งดูทีวีเป็นลูกบอลลูกโตที่เค้าใช้เล่นกันในฟิตเนสกัน เพราะเวลาที่เราต้องนั่งอยู่บนลูกบอลให้ได้ ต้องบังคับการทรงตัวและเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณท้องไปโดยอัตโนมัติด้วย

3. Sit-up หลายคนอาจได้ยินจนเบื่อแล้ว แต่ยังไงก็เป็นท่าที่ดีสุดของการจะมีหน้าท้องแบนเรียบ อาจไม่เห็นผลทันทีที่ทำแต่ได้ผลแน่นอนหากทำอย่างต่อเนื่อง ควรทำอย่างต่ำวันละ 10-15 ครั้ง และท่าที่ดีคือให้เอามือจับติ่งหูตอน sit up

4. พอเราทำ sits up มาได้สักระยะหนึ่ง จนเริ่มอยู่ตัวแล้ว ลองเพิ่มการบิดข้าง ปกติแล้วเราจะยกตัวขึ้นตรงไปที่หัวเข่า แต่ทีนี้เวลาขึ้นให้บิดตัวไปทางซ้ายทีและลง ขึ้นมาบิดทางขวาอีกที วันละ 10-15 ครั้ง รับรองว่า curve เอวของคุณจะชัดขึ้น

5. แขม่วหน้าท้อง ขอบอกเลยว่าวิธีนี้สาวซ่าร่าทำประจำจนติดนิสัย ไม่ว่าจะเดินไปเรียน ไปมหาวิทยาลัย หรือทำอะไรก็ตาม ก็สามารถทำได้ นอกจากได้เดินออกกำลังกายแล้ว หน้าท้องเราก็ได้ด้วยเช่นกัน คอนเฟิร์มว่าเวิร์ก

ขอบคุณที่มา: http://www.centerpointmagazine.com/

Thursday, July 7, 2011

สูตรลดน้ำหนักใน 7 วัน

สูตรนี้บางคนทำแล้วสามารถลดได้ถึง 9 กิโลกรัมใน 7 วันเลยนะคะ ลองเอาไปทำตามดู
แต่อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับภาวะร่างกายของคนเราด้วยนะคะ ถ้าหากน้ำหนักมากๆ เกิน 80 กิโลกรัมขึ้นไป หากทำตามสูตรนี้ได้ เชื่อว่าน่าจะลดได้ 9 กิโลแน่ๆ ค่ะ ใจแข็งพอรึเปล่าคะ

วันที่ 1
มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล
มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง กับผักต้ม
มื้อเย็น : สเต็กกับสลัดผักน้ำใส และผลไม้

วันที่ 2
มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลกับขนมปังโฮลวีต 1 แผ่น
มื้อกลางวัน : สเต็กหรือเนื้อหมู เนื้อวัวย่างก็ได้ กับสลัดผักเขียวและผลไม้
มื้อเย็น : แฮมแผ่นต้มปริมาณเท่าใดก็ได้

วันที่ 3
มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลกับขนมปังโฮลวีต 2 แผ่น
มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง และสลัดกับแครอท
มื้อเย็น : แฮมแผ่นต้มปริมาณเท่าใดก็ได้

วันที่ 4
มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลกับขนมปังโฮลวีต 1 แผ่น
มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 1 ฟองกับแครอทต้ม
มื้อเย็น : ผลไม้และโยเกิร์ตรสธรรมชาติ

วันที่ 5
มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล
มื้อกลางวัน : ปลาเผาหรือปลาย่างกับผักต้ม
มื้อเย็น : สเต็ก หรือเนื้อย่างไม่ติดมัน กับสลัดผักสดน้ำใส

วันที่ 6
มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล
มื้อกลางวัน : ไก่ย่างไม่ติดหนัง
มื้อเย็น : ไข่ต้ม 2 ฟอง กับแครอทต้ม

วันที่ 7
มื้อเช้า : กาแฟหรือชาบีบมะนาว แต่ไม่ใส่น้ำตาล
มื้อกลางวัน : ผลไม้อะไรก็ได้ในปริมาณต้องการ
มื้อเย็น : อะไรก็ได้ทุกอย่างที่อยากทาน ไม่จำกัดปริมาณ

Monday, July 4, 2011

ลดน้ำหนักกับนิสัยแบบเกาหลี

รักษารูปร่างกันง่าย ๆ ด้วยเทคนิคและการกินอาหารแบบแดนโสม

อาหารเกาหลีนั้นมีสารอาหารที่สมดุล ทำให้การควบคุมน้ำหนักเป็นไปได้ง่าย และปริมาณคอเลสเตอรอลก็จำกัด โดยทั่วไปนั้น การกินแบบเกาหลีจะประกอบไปด้วยคาร์โบไฮเดรต "ดี" จากผักและข้าว 70% โปรตีน 14-17% และมีไขมันประมาณ 13% เมื่อเปรียบเทียบกับการกินของฝั่งตะวันตกซึ่งมักจะมีไขมันถึง 30-40% และน้ำตาลอีก 15%

1. กินผักให้เรียบ อาหารเกาหลี อย่างเช่น Bibimbap (ข้าวยำเกาหลี) และ Onmyeon (ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ) มีผักสีสันต่าง ๆ มากมาย ทั้งผักป่าและผักสวนครัว และแม้ว่าคุณจะสั่ง Bulgogi (เนื้อวัวหมักย่าง) ก็มักจะมีผักเป็นเครื่องเคียง (โดยที่ไม่ต้องขอ) การกินผักเยอะๆ จะทำให้ท้องเราเต็มไปด้วยใยอาหาร และสารอาหารแคลอรีต่ำจนไม่เหลือที่ในกระเพาะอาหารไว้สำหรับอาหารขยะ

2. ปรุงด้วยรสจัด อาหารเกาหลีมีชื่อเสียงเรื่องรสชาติจัดจ้าน เครื่องเทศหรือพริกต่าง ๆ มักจะถูกนำมาใช้ในอาหารเกาหลีเพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่าอาหาร แล้วยังช่วยในเรื่องการลดน้ำหนัก เนื่องจากการเติมเครื่องเทศรสจัดจ้านลงไปจะช่วยเร่งอัตราเผาผลาญพลังงานอีกด้วย

3. อย่าลืมกิมจิ กิมจิอาจจะเป็นอาหารที๋โดดเด่นที่สุดของเกาหลี โดยทั่วไปมักทำมาจากกะหล่ำปลีดองหรือกะหล่ำปลีสด แล้วนำมาปรุงรสกับขิง พริกผง และกระเทียม ถึงแม้ว่าจะมีหลากหลายสูตรมาก แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือมันจะถูกนำมากินคู่กันทุก ๆ มื้อ นอกจากนี้ ยังเชื่อว่ากิมจิมีสารอาหารสูงมาก และดีต่อระบบย่อยอาหาร ดังนั้น การกินกิมจิจะช่วยให้ขับง่ายถ่ายคล่องด้วยเช่นกัน

4. ลองโสมเกาหลีดูสิ เป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้วที่เกาหลีอ้างว่ารากโสมมีสรรพคุณมากมาย รวมถึงช่วยในการลดน้ำหนัก อันที่จริงแล้ว Seoul Department of Internal Medicine เปิดเผยว่าโสมเกาหลีอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งนี่อาจจะช่วยควบคุมความอยากน้ำตาลได้ด้วย หากใครไม่อยากดื่มชาโสม ก็น่าจะลองซุปไก่ใส่โสมตามแบบเกาหลีดู บางทีอาจลดน้ำหนักได้เร็วกว่าที่คิดนะคะ

5. กินช้า ๆ ปกติแล้วการกินอาหารเกาหลี สำรับมักจะมาเป็นวงมากกว่าเป็นสำรับของแต่ละคน และการกินอาหารกับคนหมู่มากก็ทำให้เรากินช้าลง สมองก็จะมีเวลาสั่งการว่าอิ่มแล้วนะ เราจึงกินน้อยลง


ที่มา lisa

Friday, July 1, 2011

ดื่มนมตอนเช้า อิ่มยาวถึงมื้อกลางวัน



นักวิจัยชาว ออสเตรเลียทำการศึกษากับผู้ที่มีน้ำหนักเกินจำนวน 34 คน ทั้งผู้ชายและผู้หญิงสุขภาพดี (น้ำหนักเกินแต่มีสุขภาพดี) โดยผู้เข้าร่วมจะทำการทดสอบ 2 รอบ รอบแรกผู้เข้าร่วมจะดื่มนมปราศจากไขมันประมาณ 20 ออนซ์ และอีกรอบจะได้รับเครื่องดื่มจากผลไม้ (โดยเครื่องดื่มทั้งคู่จะมีปริมาณของแคลอรีประมาณ 250 แคลอรี่ของอาหารมื้อเช้า) ต่อจากนั้นในช่วงเวลา 4 ชั่วโมง ระหว่างอาหารเช้าและอาหารกลางวัน ผู้เข้าร่วมทุกคนจะต้องได้รับการประเมินเกี่ยวกับความรู้สึกอิ่ม และยังได้รับอนุญาตให้รับประทานอาหารกลางวันได้อย่างเต็มที่อีกด้วย

ผลการศึกษาครั้งนี้ นักวิจัยพบว่าผู้ที่ดื่มนมจะมีความรู้สึกอิ่มแปล้ และอิ่มยาวนานกว่าปกติส่งผลให้รับประทานอาหารกลางวันลดลง (จำนวนแคลอรี่ลดลง) เมื่อเทียบกับการดื่มน้ำผลไม้ ซึ่งนักวิจัยคาดคะเนว่าผลของความอิ่มที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากปริมาณของโปรตีน ในนม ปริมาณของแลคโตส หรืออาจจะเกิดจากความหนาแน่นของนมที่มีบทบาทช่วยให้ผู้ที่บริโภคนมรู้สึก อิ่มมากขึ้น

ดังนั้นการเลือกรับ ประทานอาหารที่ช่วยเติมเต็มความอิ่มอย่างเต็มที่ให้ กับกระเพาะอาหารและร่างกาย ย่อมเป็นปัจจัยที่สำคัญ และเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จในการลดน้ำหนักได้เช่นเดียวกัน


ข้อมูลจาก sanook.com

Monday, June 27, 2011

อาหารลดไขมันรอบเอว



ความอ้วนตัวการร้ายที่ทำยังไงก็ไม่หายไปจากเราสักทีนะค่ะคุณสาวๆ โดยเฉพาะบริเวณรอบเอว มาค่ะมาลองทานอาหารเหล่านี้ดูเพราะมีการวิจัยมาแล้วว่าสามารถช่วนลดไขมันได้ดีโดยเฉพาะบริเวณไขมันรอบเอว หรือที่ใครหลายคนเรียกจนติดปากว่าห่วงยางนั่นเองค่ะ....

1. อะโวคาโด : อะโวคาโดอุดมไปด้วยสารเบตาซิสโตสเตอรอล ซึ่งช่วยในการดูดซึมคอเลสเตอรอล มีเส้นใยอาหาร ทั้งชนิดที่ละลายน้ำ ซึ่งช่วยขจัดคอเลสเตอรอลส่วนเกินออกจากร่างกาย และชนิดที่ไม่ละลายน้ำซึ่งช่วยป้องกันอาการท้องผูก ปริมาณแนะนำต่อวัน: 1/2 ถ้วย

2. บรอกโคลี่ : นักวิจัยระบุว่าสารอาหารอย่าง แคลเซียมช่วยให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรีที่จะสะสมไว้เป็นไขมันส่วนเกินได้ และบร็อกโคลี่ก็มีดีที่เป็นแหล่งแคลเซียมซึ่งไม่มีไขมัน ปริมาณแนะนำ: 1 1/2 ถึง 2 ถ้วย

3. ถั่วและเมล็ดพืชต่างๆ: มีคาร์โบ ไฮเดรตเชิงซ้อน มีส่วนช่วยควบคุมน้ำหนักได้ โดยเฉพาะถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืชต่างๆ เช่น อัลมอนด์ มะม่วงหิมพานต์ ถั่วลิสง เมล็ดดอกทานตะวัน เมล็ดฟักทอง พิสทาชิโอ ปริมาณแนะนำต่อวัน: 2 ช้อนโต๊ะ

4. น้ำมัน : เลือกกินน้ำมันที่มีประโยชน์ช่วยลดน้ำหนักได้ น้ำมันพืชต่างๆ เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันชา น้ำมันถั่วเหลือง ปริมาณแนะนำต่อวัน: 1 ช้อนโต๊ะ

นอกจากดูแลเรื่องอาหารการกินแล้ว ก็ต้องออกกำลังกายเป็นประจำด้วยนะค่ะ จะได้มีสุขภาพแข็งแรงสวยสดใสตลอดเวลาค่ะ...



ขอบคุณเนื้อหาประกอบจาก : healthyguide

Friday, June 24, 2011

ทานโปรตีนอย่างไร ให้น้ำหนักลด

ทานโปรตีนอย่างไร ให้น้ำหนักลด


โปรตีนนอกจากเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อและสร้างภูมิต้านทานแล้ว โปรตีนยังสามารถช่วยเพิ่มระดับการเผาผลาญได้ มีเคล็ดลับคือ กินในปริมาณแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน จะช่วยให้ดึงพลังงานออกมาใช้ในการเผาผลาญ 25-30 เปอร์เซ็นต์



เพื่อให้การเผาผลาญเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ควรกินโปรตีนให้ครบ 3 มื้อหลัก และ 1 มื้ออาหารว่าง

Tuesday, June 21, 2011

อ้วนไม่อ้วนดูที่ตรงไหน


BMI หรือค่าดัชนีมวลกาย คือ ดัชนีที่ดูความสัมพันธ์ ระหว่างส่วนสูง และ น้ำหนักตัว โดยอาศัยการคำนวณง่ายๆดังนี้

BMI = น้ำหนัก(กิโลกรัม) หารด้วย ส่วนสูง (เมตร) x ส่วนสูง (เมตร)

ค่าดัชนีมวลกายที่คำนวณได้ (BMI)

ผอม < 18.5 กิโลกรัม/ตารางเมตร

ปกติ 18.5-22.9 กิโลกรัม/ตารางเมตร

ท้วม 23.0-24.9 กิโลกรัม/ตารางเมตร

อ้วน ตั้งแต่ 25.0-29.9 กิโลกรัม/ตารางเมตร


แหล่งข้อมูล กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข 2551

Monday, June 20, 2011

ลดน้ำหนักตัว ด้วยมะเขือเทศ


นสพ.ชื่อดังของ อังกฤษเผย ช่วยปรับระดับฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้รู้สึกอิ่มนาน ลดการบริโภคขนมขบเคี้ยวได้ดี …

ผู้เชี่ยวชาญ ด้านโภชนาการพบว่ามะเขือเทศเป็นอาหารที่ช่วยลดความอ้วนได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปพยายามลดอาหารและปล้ำออกกำลังจนหน้าดำหน้าแดงเลย

หนังสือพิมพ์ราย วัน “เดอะ เดลี่ เอกซ์เปรสส์” ชื่อดังเมืองอังกฤษ รายงานว่า นักวิจัยมหาวิทยาลัยรีดดิงของสหรัฐฯ ได้ศึกษากับสตรี 17 คน โดยให้กินแซนด์วิชที่ทำด้วยขนมปังขาว ชนิดที่มีหัวผักกาดแดง หรือมะเขือเทศเป็นไส้เป็นอาหาร

ปรากฏผลว่าผู้ ที่กินแซนด์วิชที่ประกบมะเขือเทศ จะพากันรู้สึกอิ่มทนนานที่สุด และไม่ค่อยไปหาของขบเคี้ยวกินพร่ำเพรื่อ อันเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้อ้วนอย่างหนึ่ง ดร.จูซี่ เลิฟโกรฟ์ หัวหน้าโครงการ วิจัยเชื่อว่า เป็นเพราะมะเขือเทศมีส่วนประกอบที่ไปปรับระดับฮอร์โมน ซึ่งทำให้รู้สึกหิวเสียใหม่ได้ จึงทำให้ไม่ค่อยรู้สึกหิว

“แม้จะยังไม่ อาจบอกได้ว่า ส่วนประกอบที่สำคัญเป็นอะไร แต่มันก็ให้ผลเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง” ดร.จูซี่ บอก

Thursday, June 16, 2011

ทานอาหารตอนดึก ทำให้น้ำหนักขึ้นจริงหรือ?


เคยได้ยินบ่อยใช่ไหมล่ะ ว่า การทานอาหารตอนดึก ๆ หลังสามทุ่มไปแล้วน่ะ จะทำให้คุณอ้วนได้ ข้อเท็จจริงนี้เป็นอย่างไรกันแน่ มาหาคำตอบกันเลยค่ะ

จริง ๆ แล้วการทานอาหารดึก ๆ อาจจะทำให้คุณอ้วนได้ค่ะ แต่นั่นไม่ใช่เพราะระบบเผาผลาญพลังงาน หรือเมตาบอลิซึมของคุณช้าลงอย่างทันทีทันใดในตอนกลางคืน อย่างที่คนชอบเชื่อกันหรอกนะคะ

เพราะสาเหตุที่แท้จริงแล้ว ขึ้นอยู่กับปริมาณอาหารที่คุณทานตลอดทั้งวันมากกว่า ช่วงเวลาที่คุณทานอาหารอาจไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น แต่ก็มีส่วนบ้างค่ะ นั่นคือ เนื่องจากคนเรามักจะกินอาหารตอนกลางคืน เพราะความเบื่อ และปัจจัยทางอารมณ์ คือ อยากกิน น่ากิน มากกว่ากินเพราะความหิว สุดท้ายแล้ว เราจึงได้รับแคลอรีมากเกินกว่าความต้องการในแต่ละวัน และแคลอรีส่วนเกินนั้น ก็ไปผลิออกดอกผลที่ตัวเลขบนเครื่องชั่งน้ำหนักของคุณ หรือแม้กระทั่งสะสมตามเอว สะโพก ต้นขา ต้นแขน ฯลฯ ตามมานั่นเอง

นอกจากนี้ คนที่กินตอนกลางคืนยังมักตื่นขึ้นมาด้วยความไม่อยากอาหาร จึงทำให้งดอาหารเช้าซึ่งเป็นอาหารมื้อที่สำคัญที่สุดของแต่ละวันไป แต่หารู้ไม่ว่า มีการศึกษาวิจัยจำนวนมากพบว่า การทานอาหารเช้าจะสามารถช่วยควบคุมการกินของเราในตลอดทั้งวันได้ แต่เมื่อไม่หิว ไม่ยอมทานอาหารเช้า เราก็จะไปชดเชยด้วยการทานในปริมาณมากขึ้นในมื้อต่อ ๆ ไปนั่นเอง

แล้วนี่ล่ะค่ะ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนเรามีน้ำหนักตัวมากขึ้นไปโดยปริยาย


ข้อมูลจาก kapook.com

Tuesday, June 14, 2011

แซลมอน กับการลดน้ำหนัก


แซลมอน เป็นอาหารที่พลาดไม่ได้ เพราะมีกรดไขมันมหัศจรรย์ โอเมก้า 3 สูง ไม่เพียงช่วยป้องกันอาการปวดตามข้อ ยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันในร่างกายโดยเฉพาะ


ช่วงหน้าท้อง แต่ต้องกินก่อนออกกำลังกายเท่านั้น หากใครไม่นิยมแซลมอน จะเลือกกินปลาไทย อย่างปลาทู ปลากะพง ปลาเก๋า ปลาสำลี หรือปลาอินทรีย์ก็ได้เช่นกัน

Sunday, June 12, 2011

กินของหวานอย่างไร...ไม่อ้วน

เคล็ดลับเลือกกินของหวานแบบไม่เพิ่มน้ำหนักให้กลุ้มใจ

สาว ๆ หลายคนชอบกินขนมเป็นชีวิตจิตใจ แต่จะกินอย่างไรถึงจะรักษารูปร่างได้เพรียวสวย เรามีเคล็ดวิธีเลือกกินของหวาน ด้วยเคล็ดลับง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ไม่ยากมาบอกต่อค่ะ

รู้ปริมาณแคลอรี

ก่อนกินควรอ่านปริมาณแคลอรีในขนม โดยดูจากฉลากแสดงข้อมูลโภชนาการข้างกล่อง หากเป็นไปได้ควรเลือกกิน หรือซื้อชนิดที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบน้อยที่สุด

ลดแคลอรี

การตัดน้ำตาล ครีม ออกจากขนมก่อนกิน เช่น เกลี่ยน้ำตาลไอซิ่งที่โรยหน้าขนมปังออก หรือไม่ใส่กะทิในขนมหวาน จะลดพลังงานได้ถึง 81- 150 แคลอรี หรือเกลี่ยครีมหน้าขนมเค้กออก ลดพลังงานได้ถึง 160 แคลอรี

ควบคุมสัดส่วนการกิน

กินอย่างละนิดพอให้รู้รสชาติ เช่น คุกกี้ 1-2 ชิ้น เค้ก 1 ส่วน 4/ชิ้นเล็ก ไอศกรีม 1 ลูก คุณจะได้ชิมรสขนมทั้งหมดโดยได้แคลอรีเพียงครึ่งเดียว

ดื่มชาเขียว หรือกาแฟร้อนหลังมื้อขนม

กาเฟอีนจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน หากต้องการเพิ่มรสชาติให้ใส่น้ำตาลเทียมแทน

5 นาที หลังกินขนมหวานเสร็จอย่านั่งอยู่กับที่

ออกไปเดินเล่นรอบบ้าน ๆ ประมาณ 15 นาที วิธีนี้นอกจากจะช่วยย่อยแล้ว ยังป้องกันไม่ให้ไขมันสะสมที่หน้าท้อง ต้นขา และสะโพกได้อีกด้วย

30 นาที หลังกินของหวาน 5 ชั่วโมง

ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที เพื่อกำจัดแป้งและน้ำตาลก่อนกลายเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยก่อนและหลังออกกำลังกาย ควรดื่มชาเขียวร้อนหรือน้ำอุ่นเพื่อเสริมระบบเผาผลาญควบคู่ไปด้วย

งดแป้งและน้ำตาลในวันรุ่งขึ้น

มื้อเช้าและกลางวันเน้นผัก 80% โปรตีน 20% ส่วนมื้อเย็นให้กินผักผลไม้สดและดื่มน้ำเปล่าทั้งวัน


ข้อมูลจาก kapook.com

Thursday, June 9, 2011

น้ำมันดอกคำฝอย กับการลดไขมันหน้าท้อง

น้ำมันดอกคำฝอย กับการลดไขมันหน้าท้อง


ดอกคำฝอยนับเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ทั้งดอก เมล็ด เกสร และน้ำมัน ล้วนแต่มีสรรพคุณในทางยา ผลการวิจัยระบุว่า ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนซึ่งรับประทานน้ำมันดอกคำฝอยพร้อมอาหารวันละ ½ ช้อนโต๊ะเป็นเวลา 4 เดือน ช่วยให้ไขมันหน้าท้องลดลง 4 ปอนด์ นอกจากนั้นยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อประมาณ 1 ½ ปอนด์ โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรมในการรับประทานอาหารหรือออกกำลังกายแต่อย่างใด

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะดอกคำฝอยมีกรดไลโนเลอิกสูง นอกจากช่วยลดคอเลสเตอรอลแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้นอีกด้วย




ข้อมูลจาก นิตยสารแพรว

Tuesday, June 7, 2011

ข่าวดีของคนสะโพกใหญ่

คุณผู้หญิงคนไหนที่ไม่ชอบใจสะโพกทรงสะบึมของตัวเอง ลองฟังเรื่องดี ๆ ของการมีสะโพกใหญ่ดูก่อนค่ะ แล้วคุณจะเปลี่ยนใจ!

ดร.โรนัลด์ คาห์น จากวิทยาลัยแพทย์ฮาร์วาร์ด ในเมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา บอกว่าไขมันแต่ละที่ในตัวเราไม่ได้เลวร้ายไปเสียหมด อย่างไขมันแถวหน้าท้องก็จะส่งผลให้เป็นโรคเบาหวานได้ง่ายขึ้น แต่สาว ๆ ที่มีไขมันบริเวณสะโพกกลับไม่ค่อยเป็นโรคนี้ค่ะ

ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะไขมันที่สะสมบริเวณสะโพกและก้น เป็นไขมันชนิดใต้ผิวหนังจะไปช่วยกระตุ้นอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้ทำงาน จึงช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้

แหม! ไม่ใช่จะมาพูดกันลอย ๆ ให้สาวสะโพกใหญ่ดีใจกันเล่นนะคะ เรื่องนี้ ดร.คาห์นเขาพิสูจน์มาแล้วค่ะ โดยนำไขมันใต้ผิวหนังของหนู ไปฉีดเข้าบริเวณท้องและใต้ผิวหนังของหนูอีกตัวหนึ่ง ปรากฏว่าหนูพวกนี้มีน้ำหนักลดลง เซลล์ไขมันมีการหดตัว แถมยังเผาผลาญอาหารได้ดีอีกด้วย ทั้ง ๆ ที่ไม่มีการเปลี่ยนชนิดอาหารที่ให้กินหรือกิจกรรมอื่น ๆ ของหนูเลย

สำหรับนักวิจัย การพบครั้งนี้น่าจะนำไปสู่การผลิตยาตัวใหม่จากไขมันคนเราเอง แต่สำหรับสาว ๆ อย่างเรา การมีสะโพกใหญ่นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลุ้มเสมอไปหรอกค่ะ


ที่มา ... รักลูก

Monday, June 6, 2011

Low Fat กินแล้วไม่อ้วนจริงหรือ ?

ผลิตภัณฑ์อาหารที่ติดฉลาก Low Fat แปลว่ามีแคลอรีต่ำด้วยหรือเปล่า


สาว ๆ ที่อยากลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ก็มักจะเลือกหาผลิตภัณฑ์ที่ระบุป้ายว่า Low Fat มาทานกัน เพื่อหวังจะได้มีรูปร่างดี ไร้ไขมันสมชื่ออาหารใช่ไหมล่ะคะ แต่คุณอาจจะเข้าใจผิดก็ได้นะ

นั่นเพราะ แม้จะได้ชื่อว่าเป็นอาหาร Low Fat แต่ก็ยังให้ปริมาณแคลอรีเท่ากับอาหารปกติเช่นเดิม เพียงแต่ลดปริมาณไขมันลงเท่านั้น ฉะนั้น หลายคนจึงคิดว่า ถ้าบริโภคอาหาร Low Fat จะสามารถทานได้ในปริมาณมากกว่าเดิมและไม่อ้วน จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่อชั่งน้ำหนักคราใด น้ำหนักตัวก็ยังไม่ลดลงสักที

ฉะนั้น ถ้าคุณอยากทานอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดความอ้วน ก็ต้องใส่ใจในปริมาณแคลอรีให้พอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป และออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยค่ะ


ที่มา ... Lisa

Saturday, June 4, 2011

วิธีทำน้ำองุ่น.....ช่วยลดน้ำหนัก

องุ่น ผลไม้ที่ออกรวมกันเป็นพวงย้อยห้อยระย้าสวยงาม รูปทรงใบหยักเว้า จัดเป็นพืชไม้เลื้อย เถาองุ่นจะใช้มือเลื้อยเกาะไปตามร้านที่สร้างขึ้นจนทั่ว องุ่นมีมากมายหลายพันธุ์ บางพันธุ์มีสีเขียว บางพันธุ์มีสีม่วง เป็นผลไม้รสหวาน บางพันธุ์มีรสหวานอมเปรี้ยว องุ่นมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Vitis vinifera ปัจจุบันนี้ได้มีการปรับปรุงพันธุ์จนมีองุ่นไม่มีเมล็ด ซึ่งมีทั้งผลเล็ก และผลใหญ่ ทั้งสีเขียวและสีม่วง นิยมกินกันสดๆ


องุ่นเป็นผลไม้ที่กระตุ้นกำลัง กระตุ้นความสดชื่นได้เร็ว เพราะน้ำตาลในองุ่นเป็นน้ำตาลธรรมชาติที่เกาะกันอย่างหลวมๆที่ให้พลังงาน ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้เลย โดยไม่ผ่านขบวนการย่อยใดๆ น้ำองุ่นช่วยเร่งการเผาผลาญในร่างกายได้มากยิ่งขึ้น เมื่อใดก็ตามที่รับประทานอาหารมากเกินความจำเป็นของร่างกาย ดื่มน้ำองุ่นตามไปสักแก้ว ก็จะช่วยเผาผลาญอาหารที่เกินไปได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นการดีต่อร่างกาย เพราะเท่ากับเป็นการช่วยขจัดอาหารส่วนเกิน


ในน้ำองุ่นนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ โดยเฉพาะองุ่นสดๆ จะมีแร่ธาตุครบถ้วน ทั้งแคลเซียมคลอไรด์ ทองแดง โฟลีน เหล็ก แมกนีเซียม แมงกานีส ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม ซิลิคอนและซัลเฟอร์ น้ำองุ่นสดจึงช่วยล้างและสร้างเม็ดเลือด นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นตับให้ทำหน้าที่ฟอกเลือดอย่างมีประสิทธิภาพ


องุ่นเขียวและองุ่นม่วงในปริมาณ 100 กรัมให้พลังงานใกล้เคียงกันคือ องุ่นเขียวให้ 50 แคลอรี องุ่นม่วงให้ 60 แคลอรี มีแร่ธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และวิตามิน A วิตามิน B1 วิตามิน B2 และไนอาซีนเหมือนกัน


การเลือกซื้อองุ่นมาทำน้ำผลไม้นี้ ควรเลือกซื้อองุ่นสด ขั้วติดแน่น ไม่ช้ำ องุ่นเป็นผลไม้ที่ฉีดยาฆ่าแมลงเยอะ ก่อนนำมาคั้นต้องล้างน้ำนานๆจนสะอาด หรือใช้น้ำยาล้างผัก ผลไม้ ล้างจานจนหมดคราบขาวๆ


องุ่นสีแดงแก่และสีม่วงแก่ มีรสชาติดีกว่าสีอื่นๆ สีสันน่ากิน ส่วนองุ่นสีเขียวจะให้สีน้ำคั้นออกสีเหลืองจาง ทั้งนี้ก็ขึ้นกับว่าผลองุ่นนั้นสุกมาก สุกน้อยแค่ไหน ถ้าน้ำองุ่นออกรสหวานมากเกินไปก็ให้เจือจางความหวานลงด้วยการเติมน้ำดื่มลงไปตามต้องการ


น้ำองุ่น

วิธีทำ องุ่นม่วง 750 กรัม ผ่าตามยาว แคะเมล็ดออก ใส่เนื้อองุ่นลงในเครื่องแยกกากแยกน้ำ คั้นจนได้น้ำองุ่นสีม่วง รินใส่แก้ว นำไปแช่เย็นก่อนดื่ม สัดส่วนตามนี้จะได้น้ำองุ่น 2 แก้ว


น้ำองุ่นปั่น

วิธีทำ องุ่นเขียว 500 กรัม ลอกเปลือกออก ผ่าตามยาว แคะเอาเมล็ดออก กีวี 1 ผล ปอกเปลือกกีวีหั่นเป็นชิ้นเล็ก โยเกิร์ต 1/2 ถ้วย น้ำแข็งบดละเอียด 1/2 ถ้วย ใส่เนื้อองุ่น เนื้อกีวี โยเกิร์ต น้ำแข็ง ลงในโถปั่น ปั่นเข้าด้วยกันจนส่วนผสมทั้งหมดละเอียดดี รินใส่แก้ว ดื่มทันที สัดส่วนนี้จะได้น้ำองุ่นปั่น 2-3 แก้ว


ที่มา http://naichef.50megs.com/grape.html

Wednesday, June 1, 2011

ผลไม้ที่กินแล้วอาจจะอ้วน

การกินผลไม้ กินแล้วดี มีประโยชน์มากมาย แต่บางครั้งก็ต้องเลือกกิน และกินในปริมาณที่พอดี เพราะมีผลไม้บางชนิดที่มีน้ำตาลสูง ซึ่งอาจจะทำให้อ้วนได้

ผลไม้ที่กิน แล้วอ้วนสุดๆ คือ กล้วยไข่

อันดับ 2 คือ กล้วยน้ำว้า

อันดับ 3 คือ ขนุน

อันดับ 4 คือ กล้วยหอม

อันดับ 5 คือ มะม่วงน้ำดอกไม้สุก

อันดับ 6 คือ ลำไยกะโหลกเขียว

อันดับ 7 คือ ลองกอง

อันดับ 8 คือ เงาะ

อันดับ 9 คือ ลางสาด

อันดับสุดท้ายน้ำตาลน้อยสุด คือ ละมุด

แต่ ทุเรียน ก็เป็นผลไม้ ที่ขึ้นชื่อว่ามีน้ำตาลสูงมากๆ ใครที่กินรับรองอ้วนแน่

ส่วนผลไม้ที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ได้แก่ แอปเปิ้ล ชมพู่ ฝรั่ง มะม่วงดิบ มะละกอ และ แตงโม

รู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าเผลอทานผลไม้ที่ว่ามานี้กันจนเพลินกันนะจ๊ะ ถ้าไม่อยากอ้วนจนเกินไป

ที่มา Forward Mail

Tuesday, May 31, 2011

เครื่องดื่มล้างพิษในลำใส้ (ลดหน้าท้อง)

ไขมันที่เกาะในผนังลำไส้ กระเพาะอาหารตับม้ามให้ดูดซึมบกพร่องเป็นเหตุให้เกิด โรคต่างๆ วันนี้เรามีสูตรเด็ดเคล็ดลับในการกำจัดเจ้าไขมันกวนใจมาบอกกันค่ะ

** เครื่องปรุง**
1. โยเกิร์ต ครึ่งถ้วย 2. นมสด 1 กล่อง 3. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ 4. มะนาว 1 ลูก

** วิธีทำ**
นำเครื่องปรุงทั้งหมดผสมให้เข้ากันชิมรสตามใจชอบ

** วิธีการดื่ม**
ต้องดื่มตอนเช้า มื้อเดียวก่อนอาหาร มื้ออื่นไม่เห็นผล มะนาวก็ควรบีบแล้วกินทันที เพื่อรักษาคุณสมบัติวิตามินซีไว้ และควรดื่มน้ำตาม 1-2 แก้ว จะเห็นผลดียิ่งขึ้น

** สรรพคุณ**
ไม่ใช่ยาลดน้ำหนักโดยตรง แต่จะปรับธาตุ ล้างพิษในลำไส้ ล้างไขมัน กินวันแรกๆ จะ เห็นเลยว่าอุจจาระจะเป็นสีดำ และไล่ลมใน กระเพาะดีมาก ระยะต่อมา เมื่อลำไส้และกระเพาะอาหารในร่างกายปรับตัวได้กับอาหารที่กินแล้วจะเข้าสู่ ภาวะปกติ แต่ต่อมาจะมี ความรู้สึกว่าหน้าท้องยุบลงไปเรื่อยควรกินทุกเช้าติดต่อกันทุกวัน

** โทษของไขมัน**

ไขมันที่เกาะในผนังลำไส้ กระเพาะอาหารตับม้ามให้ดูดซึมบกพร่องเป็นเหตุให้เกิดโรคต่างๆ ดังนี้

1. ถุงน้ำดี ทำให้นอนไม่หลับ อารมณ์ฉุนเฉียว นิ่วในไต สายตาเสื่อม ปวดเมื่อยตามร่างกาย
2. เลือดเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้มึนศรีษะ
3. ไตเสื่อม ทำให้ความจำลดลงและเป็นคนขี้หนาว
4. ม้ามชื้น ทำให้อาหารที่กินเข้าไปแปรสภาพเป็นไขมันเป็นผลทำให้อ้วนง่าย
5. ม้ามโต ทำให้เหนื่อยง่ายเพราะม้ามไปเบียดปอด
6. ถ้าไขมันเกาะลำไส้เล็กมากๆ จะทำให้ลำไส้เล็กไม่สามารถดูดซึมวิตามินซีได้ เป็นผลทำให้เป็นหวัดในตอนเช้าหรือหวัด เรื้อรัง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เกิดโรคภูมิแพ้
7. ถ้าไขมันในตับสูง การสร้างเม็ดเลือดจะลำบาก ฉะนั้นการดื่มตามสูตรนี้ นอกจากช่วยลดหน้าท้อง ยังส่งผลให้อาการป่วยทั้ง 7 ประการนี้หายไป ด้วย

สูตรลดน้ำหนัก 3 เดือน 20 ก.ก. ของ นพ.สมยศ กิตติมั่นคง

สิ่งที่ต้องเตรียม

ผักกาดหอม แตงกวา มะเขือเทศ แครอท หอมหัวใหญ่ และที่สำคัญขาดไม่ได้ น้ำสลัดครีม สูตรไลท์ ของเบสท์ฟู้ดส หรือจะเพิ่ม ทูน่าในน้ำเกลือ และ ไข่ต้ม ก็ได้

สูตรลดน้ำหนัก ของ นพ.สมยศ กิตติมั่นคง ลดภายใน 3 เดือน 20 ก.ก.

- ปรับสูตรการกินโปรตีน เฉพาะ เนื้อปลา จะ ต้ม ทอด ปิ้ง ย่าง ยังไมก็ได้ แล้วแต่สไตล์

- ถ้าจำเป็นต้องกินไข่เจียว ไข่ต้มบ้าง ก็พออนุโลมได้ - งดจริง ๆ จัง ๆ คือไม่กินข้าว ถ้าบางวันเลี่ยงไม่ได้ ก็ ทัพพีนึง

- ตามสูตร กินสลัดผัก ไม่ใส่น้ำสลัด แต่คงไม่ไหว เราก็เลยขอ สลัดครีมแบบไลท์

- ไม่กินเนื้อสัตว์อื่นเลย กุ้งมีบ้าง นิดหน่อย ไม่ได้กินแบบไม่อั้นทุกวัน กินอาทิตย์ประมาณ 1 ครั้ง โดยเน้นผัก ปลา ตามสูตร

- ทำตลอด 3 เมื้อ ติดกัน 3 เดือน ลองดูว่าจะลดไปกี่ ก.ก.

Monday, May 30, 2011

สูตรลดน้ำหนักด่วนแบบจีน

สูตรลดน้ำหนักด่วนแบบจีน

ลองทำดูนะคะ อาจจะได้ผลก็ได้

* กินข้าวต้ม 1 ถ้วยทั้งมื้อเช้าและกลางวันตลอด 7 วัน

* กินแกงจืดฟักใส่กุ้งแห้ง 1 ถ้วย สลับกับกินต้มจับฉ่ายในมื้อเย็นตลอด 7 วัน

สูตรนี้น่าจะทำได้ง่ายนะคะ เพราะได้ทานข้าวกันตั้ง 2 มื้อ แต่ก็ต้องระวังหน่อยนะคะ อย่าทานข้าวเยอะเกินไป

- หมายเหตุ มื้อเช้าทานข้าวต้ม ในสูตรไม่ได้บอกว่าทานกับอะไร เข้าใจว่าน่าจะทานข้าวต้มเปล่าๆ แต่ก็น่าจะหากับข้าวเบาๆ มาทานด้วยได้นะคะ เช่น ปลากรอบ ไข่ต้ม ยำกุ้งแห้ง ยำผักดอง เป็นต้นค่ะ เลือกกับที่ไม่มีไขมัน