Monday, June 27, 2011

อาหารลดไขมันรอบเอว



ความอ้วนตัวการร้ายที่ทำยังไงก็ไม่หายไปจากเราสักทีนะค่ะคุณสาวๆ โดยเฉพาะบริเวณรอบเอว มาค่ะมาลองทานอาหารเหล่านี้ดูเพราะมีการวิจัยมาแล้วว่าสามารถช่วนลดไขมันได้ดีโดยเฉพาะบริเวณไขมันรอบเอว หรือที่ใครหลายคนเรียกจนติดปากว่าห่วงยางนั่นเองค่ะ....

1. อะโวคาโด : อะโวคาโดอุดมไปด้วยสารเบตาซิสโตสเตอรอล ซึ่งช่วยในการดูดซึมคอเลสเตอรอล มีเส้นใยอาหาร ทั้งชนิดที่ละลายน้ำ ซึ่งช่วยขจัดคอเลสเตอรอลส่วนเกินออกจากร่างกาย และชนิดที่ไม่ละลายน้ำซึ่งช่วยป้องกันอาการท้องผูก ปริมาณแนะนำต่อวัน: 1/2 ถ้วย

2. บรอกโคลี่ : นักวิจัยระบุว่าสารอาหารอย่าง แคลเซียมช่วยให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรีที่จะสะสมไว้เป็นไขมันส่วนเกินได้ และบร็อกโคลี่ก็มีดีที่เป็นแหล่งแคลเซียมซึ่งไม่มีไขมัน ปริมาณแนะนำ: 1 1/2 ถึง 2 ถ้วย

3. ถั่วและเมล็ดพืชต่างๆ: มีคาร์โบ ไฮเดรตเชิงซ้อน มีส่วนช่วยควบคุมน้ำหนักได้ โดยเฉพาะถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืชต่างๆ เช่น อัลมอนด์ มะม่วงหิมพานต์ ถั่วลิสง เมล็ดดอกทานตะวัน เมล็ดฟักทอง พิสทาชิโอ ปริมาณแนะนำต่อวัน: 2 ช้อนโต๊ะ

4. น้ำมัน : เลือกกินน้ำมันที่มีประโยชน์ช่วยลดน้ำหนักได้ น้ำมันพืชต่างๆ เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันชา น้ำมันถั่วเหลือง ปริมาณแนะนำต่อวัน: 1 ช้อนโต๊ะ

นอกจากดูแลเรื่องอาหารการกินแล้ว ก็ต้องออกกำลังกายเป็นประจำด้วยนะค่ะ จะได้มีสุขภาพแข็งแรงสวยสดใสตลอดเวลาค่ะ...



ขอบคุณเนื้อหาประกอบจาก : healthyguide

Friday, June 24, 2011

ทานโปรตีนอย่างไร ให้น้ำหนักลด

ทานโปรตีนอย่างไร ให้น้ำหนักลด


โปรตีนนอกจากเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อและสร้างภูมิต้านทานแล้ว โปรตีนยังสามารถช่วยเพิ่มระดับการเผาผลาญได้ มีเคล็ดลับคือ กินในปริมาณแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน จะช่วยให้ดึงพลังงานออกมาใช้ในการเผาผลาญ 25-30 เปอร์เซ็นต์



เพื่อให้การเผาผลาญเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ควรกินโปรตีนให้ครบ 3 มื้อหลัก และ 1 มื้ออาหารว่าง

Tuesday, June 21, 2011

อ้วนไม่อ้วนดูที่ตรงไหน


BMI หรือค่าดัชนีมวลกาย คือ ดัชนีที่ดูความสัมพันธ์ ระหว่างส่วนสูง และ น้ำหนักตัว โดยอาศัยการคำนวณง่ายๆดังนี้

BMI = น้ำหนัก(กิโลกรัม) หารด้วย ส่วนสูง (เมตร) x ส่วนสูง (เมตร)

ค่าดัชนีมวลกายที่คำนวณได้ (BMI)

ผอม < 18.5 กิโลกรัม/ตารางเมตร

ปกติ 18.5-22.9 กิโลกรัม/ตารางเมตร

ท้วม 23.0-24.9 กิโลกรัม/ตารางเมตร

อ้วน ตั้งแต่ 25.0-29.9 กิโลกรัม/ตารางเมตร


แหล่งข้อมูล กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข 2551

Monday, June 20, 2011

ลดน้ำหนักตัว ด้วยมะเขือเทศ


นสพ.ชื่อดังของ อังกฤษเผย ช่วยปรับระดับฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้รู้สึกอิ่มนาน ลดการบริโภคขนมขบเคี้ยวได้ดี …

ผู้เชี่ยวชาญ ด้านโภชนาการพบว่ามะเขือเทศเป็นอาหารที่ช่วยลดความอ้วนได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปพยายามลดอาหารและปล้ำออกกำลังจนหน้าดำหน้าแดงเลย

หนังสือพิมพ์ราย วัน “เดอะ เดลี่ เอกซ์เปรสส์” ชื่อดังเมืองอังกฤษ รายงานว่า นักวิจัยมหาวิทยาลัยรีดดิงของสหรัฐฯ ได้ศึกษากับสตรี 17 คน โดยให้กินแซนด์วิชที่ทำด้วยขนมปังขาว ชนิดที่มีหัวผักกาดแดง หรือมะเขือเทศเป็นไส้เป็นอาหาร

ปรากฏผลว่าผู้ ที่กินแซนด์วิชที่ประกบมะเขือเทศ จะพากันรู้สึกอิ่มทนนานที่สุด และไม่ค่อยไปหาของขบเคี้ยวกินพร่ำเพรื่อ อันเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้อ้วนอย่างหนึ่ง ดร.จูซี่ เลิฟโกรฟ์ หัวหน้าโครงการ วิจัยเชื่อว่า เป็นเพราะมะเขือเทศมีส่วนประกอบที่ไปปรับระดับฮอร์โมน ซึ่งทำให้รู้สึกหิวเสียใหม่ได้ จึงทำให้ไม่ค่อยรู้สึกหิว

“แม้จะยังไม่ อาจบอกได้ว่า ส่วนประกอบที่สำคัญเป็นอะไร แต่มันก็ให้ผลเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง” ดร.จูซี่ บอก

Thursday, June 16, 2011

ทานอาหารตอนดึก ทำให้น้ำหนักขึ้นจริงหรือ?


เคยได้ยินบ่อยใช่ไหมล่ะ ว่า การทานอาหารตอนดึก ๆ หลังสามทุ่มไปแล้วน่ะ จะทำให้คุณอ้วนได้ ข้อเท็จจริงนี้เป็นอย่างไรกันแน่ มาหาคำตอบกันเลยค่ะ

จริง ๆ แล้วการทานอาหารดึก ๆ อาจจะทำให้คุณอ้วนได้ค่ะ แต่นั่นไม่ใช่เพราะระบบเผาผลาญพลังงาน หรือเมตาบอลิซึมของคุณช้าลงอย่างทันทีทันใดในตอนกลางคืน อย่างที่คนชอบเชื่อกันหรอกนะคะ

เพราะสาเหตุที่แท้จริงแล้ว ขึ้นอยู่กับปริมาณอาหารที่คุณทานตลอดทั้งวันมากกว่า ช่วงเวลาที่คุณทานอาหารอาจไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น แต่ก็มีส่วนบ้างค่ะ นั่นคือ เนื่องจากคนเรามักจะกินอาหารตอนกลางคืน เพราะความเบื่อ และปัจจัยทางอารมณ์ คือ อยากกิน น่ากิน มากกว่ากินเพราะความหิว สุดท้ายแล้ว เราจึงได้รับแคลอรีมากเกินกว่าความต้องการในแต่ละวัน และแคลอรีส่วนเกินนั้น ก็ไปผลิออกดอกผลที่ตัวเลขบนเครื่องชั่งน้ำหนักของคุณ หรือแม้กระทั่งสะสมตามเอว สะโพก ต้นขา ต้นแขน ฯลฯ ตามมานั่นเอง

นอกจากนี้ คนที่กินตอนกลางคืนยังมักตื่นขึ้นมาด้วยความไม่อยากอาหาร จึงทำให้งดอาหารเช้าซึ่งเป็นอาหารมื้อที่สำคัญที่สุดของแต่ละวันไป แต่หารู้ไม่ว่า มีการศึกษาวิจัยจำนวนมากพบว่า การทานอาหารเช้าจะสามารถช่วยควบคุมการกินของเราในตลอดทั้งวันได้ แต่เมื่อไม่หิว ไม่ยอมทานอาหารเช้า เราก็จะไปชดเชยด้วยการทานในปริมาณมากขึ้นในมื้อต่อ ๆ ไปนั่นเอง

แล้วนี่ล่ะค่ะ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนเรามีน้ำหนักตัวมากขึ้นไปโดยปริยาย


ข้อมูลจาก kapook.com

Tuesday, June 14, 2011

แซลมอน กับการลดน้ำหนัก


แซลมอน เป็นอาหารที่พลาดไม่ได้ เพราะมีกรดไขมันมหัศจรรย์ โอเมก้า 3 สูง ไม่เพียงช่วยป้องกันอาการปวดตามข้อ ยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันในร่างกายโดยเฉพาะ


ช่วงหน้าท้อง แต่ต้องกินก่อนออกกำลังกายเท่านั้น หากใครไม่นิยมแซลมอน จะเลือกกินปลาไทย อย่างปลาทู ปลากะพง ปลาเก๋า ปลาสำลี หรือปลาอินทรีย์ก็ได้เช่นกัน

Sunday, June 12, 2011

กินของหวานอย่างไร...ไม่อ้วน

เคล็ดลับเลือกกินของหวานแบบไม่เพิ่มน้ำหนักให้กลุ้มใจ

สาว ๆ หลายคนชอบกินขนมเป็นชีวิตจิตใจ แต่จะกินอย่างไรถึงจะรักษารูปร่างได้เพรียวสวย เรามีเคล็ดวิธีเลือกกินของหวาน ด้วยเคล็ดลับง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ไม่ยากมาบอกต่อค่ะ

รู้ปริมาณแคลอรี

ก่อนกินควรอ่านปริมาณแคลอรีในขนม โดยดูจากฉลากแสดงข้อมูลโภชนาการข้างกล่อง หากเป็นไปได้ควรเลือกกิน หรือซื้อชนิดที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบน้อยที่สุด

ลดแคลอรี

การตัดน้ำตาล ครีม ออกจากขนมก่อนกิน เช่น เกลี่ยน้ำตาลไอซิ่งที่โรยหน้าขนมปังออก หรือไม่ใส่กะทิในขนมหวาน จะลดพลังงานได้ถึง 81- 150 แคลอรี หรือเกลี่ยครีมหน้าขนมเค้กออก ลดพลังงานได้ถึง 160 แคลอรี

ควบคุมสัดส่วนการกิน

กินอย่างละนิดพอให้รู้รสชาติ เช่น คุกกี้ 1-2 ชิ้น เค้ก 1 ส่วน 4/ชิ้นเล็ก ไอศกรีม 1 ลูก คุณจะได้ชิมรสขนมทั้งหมดโดยได้แคลอรีเพียงครึ่งเดียว

ดื่มชาเขียว หรือกาแฟร้อนหลังมื้อขนม

กาเฟอีนจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน หากต้องการเพิ่มรสชาติให้ใส่น้ำตาลเทียมแทน

5 นาที หลังกินขนมหวานเสร็จอย่านั่งอยู่กับที่

ออกไปเดินเล่นรอบบ้าน ๆ ประมาณ 15 นาที วิธีนี้นอกจากจะช่วยย่อยแล้ว ยังป้องกันไม่ให้ไขมันสะสมที่หน้าท้อง ต้นขา และสะโพกได้อีกด้วย

30 นาที หลังกินของหวาน 5 ชั่วโมง

ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที เพื่อกำจัดแป้งและน้ำตาลก่อนกลายเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยก่อนและหลังออกกำลังกาย ควรดื่มชาเขียวร้อนหรือน้ำอุ่นเพื่อเสริมระบบเผาผลาญควบคู่ไปด้วย

งดแป้งและน้ำตาลในวันรุ่งขึ้น

มื้อเช้าและกลางวันเน้นผัก 80% โปรตีน 20% ส่วนมื้อเย็นให้กินผักผลไม้สดและดื่มน้ำเปล่าทั้งวัน


ข้อมูลจาก kapook.com

Thursday, June 9, 2011

น้ำมันดอกคำฝอย กับการลดไขมันหน้าท้อง

น้ำมันดอกคำฝอย กับการลดไขมันหน้าท้อง


ดอกคำฝอยนับเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ทั้งดอก เมล็ด เกสร และน้ำมัน ล้วนแต่มีสรรพคุณในทางยา ผลการวิจัยระบุว่า ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนซึ่งรับประทานน้ำมันดอกคำฝอยพร้อมอาหารวันละ ½ ช้อนโต๊ะเป็นเวลา 4 เดือน ช่วยให้ไขมันหน้าท้องลดลง 4 ปอนด์ นอกจากนั้นยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อประมาณ 1 ½ ปอนด์ โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรมในการรับประทานอาหารหรือออกกำลังกายแต่อย่างใด

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะดอกคำฝอยมีกรดไลโนเลอิกสูง นอกจากช่วยลดคอเลสเตอรอลแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้นอีกด้วย




ข้อมูลจาก นิตยสารแพรว

Tuesday, June 7, 2011

ข่าวดีของคนสะโพกใหญ่

คุณผู้หญิงคนไหนที่ไม่ชอบใจสะโพกทรงสะบึมของตัวเอง ลองฟังเรื่องดี ๆ ของการมีสะโพกใหญ่ดูก่อนค่ะ แล้วคุณจะเปลี่ยนใจ!

ดร.โรนัลด์ คาห์น จากวิทยาลัยแพทย์ฮาร์วาร์ด ในเมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา บอกว่าไขมันแต่ละที่ในตัวเราไม่ได้เลวร้ายไปเสียหมด อย่างไขมันแถวหน้าท้องก็จะส่งผลให้เป็นโรคเบาหวานได้ง่ายขึ้น แต่สาว ๆ ที่มีไขมันบริเวณสะโพกกลับไม่ค่อยเป็นโรคนี้ค่ะ

ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะไขมันที่สะสมบริเวณสะโพกและก้น เป็นไขมันชนิดใต้ผิวหนังจะไปช่วยกระตุ้นอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้ทำงาน จึงช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้

แหม! ไม่ใช่จะมาพูดกันลอย ๆ ให้สาวสะโพกใหญ่ดีใจกันเล่นนะคะ เรื่องนี้ ดร.คาห์นเขาพิสูจน์มาแล้วค่ะ โดยนำไขมันใต้ผิวหนังของหนู ไปฉีดเข้าบริเวณท้องและใต้ผิวหนังของหนูอีกตัวหนึ่ง ปรากฏว่าหนูพวกนี้มีน้ำหนักลดลง เซลล์ไขมันมีการหดตัว แถมยังเผาผลาญอาหารได้ดีอีกด้วย ทั้ง ๆ ที่ไม่มีการเปลี่ยนชนิดอาหารที่ให้กินหรือกิจกรรมอื่น ๆ ของหนูเลย

สำหรับนักวิจัย การพบครั้งนี้น่าจะนำไปสู่การผลิตยาตัวใหม่จากไขมันคนเราเอง แต่สำหรับสาว ๆ อย่างเรา การมีสะโพกใหญ่นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลุ้มเสมอไปหรอกค่ะ


ที่มา ... รักลูก

Monday, June 6, 2011

Low Fat กินแล้วไม่อ้วนจริงหรือ ?

ผลิตภัณฑ์อาหารที่ติดฉลาก Low Fat แปลว่ามีแคลอรีต่ำด้วยหรือเปล่า


สาว ๆ ที่อยากลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ก็มักจะเลือกหาผลิตภัณฑ์ที่ระบุป้ายว่า Low Fat มาทานกัน เพื่อหวังจะได้มีรูปร่างดี ไร้ไขมันสมชื่ออาหารใช่ไหมล่ะคะ แต่คุณอาจจะเข้าใจผิดก็ได้นะ

นั่นเพราะ แม้จะได้ชื่อว่าเป็นอาหาร Low Fat แต่ก็ยังให้ปริมาณแคลอรีเท่ากับอาหารปกติเช่นเดิม เพียงแต่ลดปริมาณไขมันลงเท่านั้น ฉะนั้น หลายคนจึงคิดว่า ถ้าบริโภคอาหาร Low Fat จะสามารถทานได้ในปริมาณมากกว่าเดิมและไม่อ้วน จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่อชั่งน้ำหนักคราใด น้ำหนักตัวก็ยังไม่ลดลงสักที

ฉะนั้น ถ้าคุณอยากทานอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดความอ้วน ก็ต้องใส่ใจในปริมาณแคลอรีให้พอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป และออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยค่ะ


ที่มา ... Lisa

Saturday, June 4, 2011

วิธีทำน้ำองุ่น.....ช่วยลดน้ำหนัก

องุ่น ผลไม้ที่ออกรวมกันเป็นพวงย้อยห้อยระย้าสวยงาม รูปทรงใบหยักเว้า จัดเป็นพืชไม้เลื้อย เถาองุ่นจะใช้มือเลื้อยเกาะไปตามร้านที่สร้างขึ้นจนทั่ว องุ่นมีมากมายหลายพันธุ์ บางพันธุ์มีสีเขียว บางพันธุ์มีสีม่วง เป็นผลไม้รสหวาน บางพันธุ์มีรสหวานอมเปรี้ยว องุ่นมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Vitis vinifera ปัจจุบันนี้ได้มีการปรับปรุงพันธุ์จนมีองุ่นไม่มีเมล็ด ซึ่งมีทั้งผลเล็ก และผลใหญ่ ทั้งสีเขียวและสีม่วง นิยมกินกันสดๆ


องุ่นเป็นผลไม้ที่กระตุ้นกำลัง กระตุ้นความสดชื่นได้เร็ว เพราะน้ำตาลในองุ่นเป็นน้ำตาลธรรมชาติที่เกาะกันอย่างหลวมๆที่ให้พลังงาน ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้เลย โดยไม่ผ่านขบวนการย่อยใดๆ น้ำองุ่นช่วยเร่งการเผาผลาญในร่างกายได้มากยิ่งขึ้น เมื่อใดก็ตามที่รับประทานอาหารมากเกินความจำเป็นของร่างกาย ดื่มน้ำองุ่นตามไปสักแก้ว ก็จะช่วยเผาผลาญอาหารที่เกินไปได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นการดีต่อร่างกาย เพราะเท่ากับเป็นการช่วยขจัดอาหารส่วนเกิน


ในน้ำองุ่นนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ โดยเฉพาะองุ่นสดๆ จะมีแร่ธาตุครบถ้วน ทั้งแคลเซียมคลอไรด์ ทองแดง โฟลีน เหล็ก แมกนีเซียม แมงกานีส ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม ซิลิคอนและซัลเฟอร์ น้ำองุ่นสดจึงช่วยล้างและสร้างเม็ดเลือด นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นตับให้ทำหน้าที่ฟอกเลือดอย่างมีประสิทธิภาพ


องุ่นเขียวและองุ่นม่วงในปริมาณ 100 กรัมให้พลังงานใกล้เคียงกันคือ องุ่นเขียวให้ 50 แคลอรี องุ่นม่วงให้ 60 แคลอรี มีแร่ธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และวิตามิน A วิตามิน B1 วิตามิน B2 และไนอาซีนเหมือนกัน


การเลือกซื้อองุ่นมาทำน้ำผลไม้นี้ ควรเลือกซื้อองุ่นสด ขั้วติดแน่น ไม่ช้ำ องุ่นเป็นผลไม้ที่ฉีดยาฆ่าแมลงเยอะ ก่อนนำมาคั้นต้องล้างน้ำนานๆจนสะอาด หรือใช้น้ำยาล้างผัก ผลไม้ ล้างจานจนหมดคราบขาวๆ


องุ่นสีแดงแก่และสีม่วงแก่ มีรสชาติดีกว่าสีอื่นๆ สีสันน่ากิน ส่วนองุ่นสีเขียวจะให้สีน้ำคั้นออกสีเหลืองจาง ทั้งนี้ก็ขึ้นกับว่าผลองุ่นนั้นสุกมาก สุกน้อยแค่ไหน ถ้าน้ำองุ่นออกรสหวานมากเกินไปก็ให้เจือจางความหวานลงด้วยการเติมน้ำดื่มลงไปตามต้องการ


น้ำองุ่น

วิธีทำ องุ่นม่วง 750 กรัม ผ่าตามยาว แคะเมล็ดออก ใส่เนื้อองุ่นลงในเครื่องแยกกากแยกน้ำ คั้นจนได้น้ำองุ่นสีม่วง รินใส่แก้ว นำไปแช่เย็นก่อนดื่ม สัดส่วนตามนี้จะได้น้ำองุ่น 2 แก้ว


น้ำองุ่นปั่น

วิธีทำ องุ่นเขียว 500 กรัม ลอกเปลือกออก ผ่าตามยาว แคะเอาเมล็ดออก กีวี 1 ผล ปอกเปลือกกีวีหั่นเป็นชิ้นเล็ก โยเกิร์ต 1/2 ถ้วย น้ำแข็งบดละเอียด 1/2 ถ้วย ใส่เนื้อองุ่น เนื้อกีวี โยเกิร์ต น้ำแข็ง ลงในโถปั่น ปั่นเข้าด้วยกันจนส่วนผสมทั้งหมดละเอียดดี รินใส่แก้ว ดื่มทันที สัดส่วนนี้จะได้น้ำองุ่นปั่น 2-3 แก้ว


ที่มา http://naichef.50megs.com/grape.html

Wednesday, June 1, 2011

ผลไม้ที่กินแล้วอาจจะอ้วน

การกินผลไม้ กินแล้วดี มีประโยชน์มากมาย แต่บางครั้งก็ต้องเลือกกิน และกินในปริมาณที่พอดี เพราะมีผลไม้บางชนิดที่มีน้ำตาลสูง ซึ่งอาจจะทำให้อ้วนได้

ผลไม้ที่กิน แล้วอ้วนสุดๆ คือ กล้วยไข่

อันดับ 2 คือ กล้วยน้ำว้า

อันดับ 3 คือ ขนุน

อันดับ 4 คือ กล้วยหอม

อันดับ 5 คือ มะม่วงน้ำดอกไม้สุก

อันดับ 6 คือ ลำไยกะโหลกเขียว

อันดับ 7 คือ ลองกอง

อันดับ 8 คือ เงาะ

อันดับ 9 คือ ลางสาด

อันดับสุดท้ายน้ำตาลน้อยสุด คือ ละมุด

แต่ ทุเรียน ก็เป็นผลไม้ ที่ขึ้นชื่อว่ามีน้ำตาลสูงมากๆ ใครที่กินรับรองอ้วนแน่

ส่วนผลไม้ที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ได้แก่ แอปเปิ้ล ชมพู่ ฝรั่ง มะม่วงดิบ มะละกอ และ แตงโม

รู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าเผลอทานผลไม้ที่ว่ามานี้กันจนเพลินกันนะจ๊ะ ถ้าไม่อยากอ้วนจนเกินไป

ที่มา Forward Mail